“ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์”ทุ่ม 700 ล้าน เปิดตัว 2 โครงการศักยภาพในเชียงใหม่

“ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์”ทุ่ม 700 ล้าน เปิดตัว 2 โครงการศักยภาพในเชียงใหม่

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคเหนือ เจ้าของรางวัล Best Lifestyle Condominium Chiang Mai Thailand 2023 จากเวที DOT Property Thailand Awards 2023 จัดโดย FIABCI-THAI เชื่อมั่นเศรษฐกิจกำลังฟื้น และชูจุดแข็งความเป็น Global Company เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติในภาคเหนือ เดินหน้าเปิดตัว 2 โครงการศักยภาพ โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown หางดง-แม่เหียะ (พร้อมอยู่ เม.ย. 67) และคอนโด HyCondo Iconic Low Rise 8 ชั้น (เสร็จไตรมาส 2 ปี 68) รวมมูลค่ากว่า 700 ล้าน เปิดให้จอง/ชมห้องตัวอย่าง พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ มี.ค.นี้  คาดผลตอบรับปีนี้ ไม่น้อยกว่า 30%

 

ปลายปีที่ผ่านมาสปอตไลต์ ได้จับไปที่ บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (Hylife Developments) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ ที่คณะผู้บริหาร นำโดย Mr. Shubhodeep Prasanta Das (นายชูโบดีป พราซันต้า ดัส) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขึ้นรับรางวัล Winner of Best Lifestyle Condominium Chiang Mai โครงการ ไฮพาร์ค เรสซิเดนซ์เซส หางดง (HyParc Residences Hang dong) ตอกย้ำความเป็นที่สุดของโครงการคอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริงบนทำเลศักยภาพ ในงาน Dot Property Thailand Awards 2023 ณ โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ

 

 

Mr. Shubhodeep Prasanta Das กล่าวว่า “ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เรามุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ในการอยู่อาศัยที่เชื่อมโยงธรรมชาติเข้ากับการพักผ่อน เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองที่เป็นจุดมุ่งหมายของการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนและใช้ชีวิตในช่วงวันหยุด ปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จจากการปิดขาย HyCondo Thasala ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งทำให้เราได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากทาง FIABCI-THAI ประเภท Residential Condominiums สิ่งนี้ทำให้เรามีแรงจูงใจในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้น สำหรับจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้ Hylife Development ประสบความสำเร็จ คือ เราเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็น Global Company มีความเข้าใจในความต้องการของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เนื่องจากลุ่มลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่มีความหลากหลาย และเรามองเรื่องบริการหลังการขายและความเชื่อมั่นในบริษัทเป็นสำคัญ ด้วยทุนจดทะเบียนที่สูงถึง 100 ล้านบาท และเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ เพื่อเป็นความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าเราเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีการก่อสร้างด้วยคุณภาพ และไม่ทอดทิ้งผู้อยู่อาศัยอย่างแน่นอน”

เมื่อถามถึงเป้าหมายการวางโพสิชั่นตนเองไว้จุดไหนในวงการอสังหาฯ ในภาคเหนือตอนบน Mr. Shubhodeep ตอบว่า “ในภาคเหนือตอนบน เรามองว่า ทุกโครงการของเราเป็น Best of Class ของแต่ละ Segment เรามุ่งมั่นที่จะมอบสินค้าและบริการที่เหนือระดับ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ”

 

Mr. Shubhodeep กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์การตลาดปัจจุบัน ที่ได้มองเห็นปัจจัยที่ทำให้เชื่อมั่นว่าจะหนุนให้ธุรกิจเติบโตว่า “ขณะนี้ภาคธุรกิจเอกชน และธุรกิจการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว อัตราการจ้างงานของโรงแรมและรีสอร์ตมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่เชียงใหม่เป็นเมืองที่รองรับบริษัทที่มีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจ สตาร์ตอัป ซึ่งมีอัตราค่าตอบแทนเงินเดือนที่สูง นอกจากนี้ ชาวต่างชาติอย่างชาวจีน นิยมส่งบุตรหลานมาเข้าศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ไม่เพียงเท่านั้น หากมองในภาพรวมเชียงใหม่เป็นเมืองที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ล้วนแต่เป็นที่น่าสนใจในการเข้ามาลงทุน ท่องเที่ยว และอยู่อาศัย”

 

ด้วยหลายปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตทางธุรกิจ Mr. Shubhodeep เผยว่า ในปี 2024 นี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในเดือนมีนาคม 2024 คือ โครงการแรกเป็น โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown หางดง-แม่เหียะ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่าโครงการ 187 ล้านบาท ราคา เริ่มต้น 6.99 ล้านบาท  สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในเดือนเมษายน 2024 จุดเด่น เป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 255-350 ตารางเมตร มีที่จอดรถส่วนตัวทุกยูนิตและมีพื้นที่จอดรถส่วนกลางรองรับ  อีกทั้งทุกแปลงมีที่ดินพิเศษ เพื่อรองรับการการขยายตัวของพื้นที่ใช้สอยในอนาคตได้อีกด้วย หากมองใน จุดแข็ง เป็นโฮมออฟฟิศติดถนนใหญ่ที่รองรับการขยายตัวของเมือง ซึ่งหางดง-แม่เหียะ ถือเป็นทำเลที่มีมูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเริ่มหนาแน่นไปด้วยที่พักอาศัยของกลุ่มชาวต่างชาติและชาวไทย ซึ่งมีกำลังซื้อสูง

 

และอีกหนึ่งโครงการ คือ คอนโด HyCondo Iconic ท่าศาลา Low Rise 8 ชั้น 175 ยูนิต มูลค่าโครงการ 530 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท ใช้เวลาดำเนินโครงการ 18 เดือน คาดว่าแล้วเสร็จไตรมาสที่ 2 ปี 2025 จุดเด่น เป็นรีสอร์ตคอนโดมิเนียมที่อยู่ในตัวเมือง ซึ่งมีความเป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหาคอนโดมิเนียมที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีสวนและสระว่ายน้ำ Panoramic View ยาว 24 เมตรบนชั้นสอง  ฟิตเนส Active Club ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน และห้อง Co-working ที่รองรับการทำงานและการพักผ่อน สำหรับผู้อยู่อาศัย  จุดแข็ง เป็นทำเลที่สามารถนำมาลงทุนปล่อยเช่าได้ ซึ่งมี Occupancy Rate สูงถึง 80% โดยอ้างอิงจากโครงการ HyCondo ท่าศาลาเฟสแรกที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เป็นตัวการันตีได้ว่าเป็นทำเลที่เหมาะทั้งเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย

 

 

 

 

เมื่อถามถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละโครงการ บิ๊กบอส ไฮไลฟ์ฯ เผยว่า “โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown แม่เหียะ จำนวน 19 ยูนิต กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ เจ้าของกิจการที่มองหาสถานที่ที่สามารถอยู่อาศัยและทำธุรกิจได้ กลุ่มเป้าหมายรอง คือ นักลงทุนที่ต้องการ โฮมออฟฟิศในทำเลที่มีมูลค่าเพิ่มสำหรับลงทุนและทำกำไร ส่วนคอนโด HyCondo Iconic ท่าศาลา Low Rise 8 ชั้น 175 ยูนิต กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักศึกษาและคนทำงานที่มองหาที่พักที่มีการออกแบบที่โดดเด่น มีส่วนกลางที่ครบครันและเดินทางเข้าเมืองสะดวก กลุ่มเป้าหมายรอง คือ นักลงทุนที่ต้องการคอนโดมิเนียมไว้ปล่อยเช่าและทำกำไร

ทั้งสองโครงการเปิดให้ลงทะเบียนเข้าชมห้องตัวอย่างในเดือนมีนาคม 2024 โดยสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้ที่สำนักงานขาย HyCondo Iconic ท่าศาลา ข้างโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯ ยังมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจสำหรับการจอง ดังนี้ คอนโด HyCondo Iconic ท่าศาลา Low Rise 8 ชั้น 175 ยูนิต จองเพียง 5,000 บาท, ฟรีเฟอร์นิเจอร์, ฟรีแอร์และเครื่องทำน้ำอุ่น รับสิทธิ์ผ่อนตรงกับโครงการตลอดอายุสัญญา (สุงสุด 30 ปี) ส่วนโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown แม่เหียะ จำนวน 19 ยูนิต จอง 10,000 บาท รับ Gift Voucher Home Pro มูลค่าสูงสุด 200,000 บาท และรับสิทธิ์ผ่อนตรงกับโครงการตลอดอายุสัญญา (สุงสุด 30 ปี)

 

 

 

“หลังเปิดตัวโครงการ บริษัทฯ ตั้งเป้าการขาย HyCondo Iconic ท่าศาลา ในปีนี้ที่ 30% คิดเป็น 159 ล้านบาท ส่วนโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น HyTown แม่เหียะ ตั้งเป้าไว้ที่ 50% คิดเป็น 94 ล้าน” Mr. Shubhodeep กล่าวทิ้งท้าย

นับเป็น 2 โครงการศักยภาพที่น่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มาแรงในภาคเหนือที่ต้องจับตาในขณะนี้