KJL ติดปีก กวาดกำไรครึ่งปี 67 โตต่อเนื่อง 15.59% YOY อานิสงส์รัฐเร่งอัดงบประมาณ หนุนรายได้ทะลุ 1,200 ลบ.ตามเป้า ‘กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค’ กวาดกำไรสุทธิครึ่งปี 67 ที่ 84.69 ลบ. เพิ่มขึ้น 15.59% YOY หลังยอดขายเพิ่ม คุมต้นทุนดี รับอานิสงน์รัฐบาลเร่งอัดงบประมาณ หนุนความต้องการ EV, Solar Rooftop ดันรายได้ทะลุ 1,200 ลบ.ตามเป้า

KJL ติดปีก กวาดกำไรครึ่งปี 67 โตต่อเนื่อง 15.59% YOY
อานิสงส์รัฐเร่งอัดงบประมาณ หนุนรายได้ทะลุ 1,200 ลบ.ตามเป้า
‘กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค’ กวาดกำไรสุทธิครึ่งปี 67 ที่ 84.69 ลบ. เพิ่มขึ้น 15.59% YOY หลังยอดขายเพิ่ม คุมต้นทุนดี รับอานิสงน์รัฐบาลเร่งอัดงบประมาณ หนุนความต้องการ EV, Solar Rooftop ดันรายได้ทะลุ 1,200 ลบ.ตามเป้า

นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวม 588.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.67% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 527.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 84.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15.59% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 73.27 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ และกำไรสุทธิของบริษัทเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย โดยเฉพาะสินค้ามาตรฐานเคเจแอล ประกอบด้วยตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพูลบ๊อกซ์ เป็นหลัก และสินค้าใหม่ในปี 2566 ได้แก่รางเคเบิ้ลเทรย์งานเบา ตะแกรงทางเดิน ตู้พลาสติกกันน้ำ รวมถึงสินค้าใหม่ปี 2567 ได้แก่ บ็อกซ์พลาสติกกันน้ำ กล่องพักสายสี่เหลี่ยม ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ 5K หรือตู้ไซส์มาตรฐาน และรางเคเบิ้ลแลดเดอร์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 โดยลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ และสามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่แนวโน้มของธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่มากกว่า 1,200 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ระดับ 10-15% จากในปี 2566 โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลเร่งอัดฉีดงบประมาณของปี 2567 รวมถึงการสนับสนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมไฟฟ้า อีวีชาร์จเจอร์ Solar Rooftop ทั้งภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรมจะช่วยหนุนความต้องการของสินค้าเคเจแอลให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการขยายกำลังการผลิตเป็น 40 ล้านชิ้นในปี 2568 จากในปัจจุบันที่อยู่ที่ 30 ล้านชิ้น และจะเพิ่มเป็น 33 ล้านชิ้นภายในสิ้นปี 2567 โดยในปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70-80%
ทั้งนี้มีแผนที่จะขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าที่เป็นร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือ KJL Network ให้มากกว่า 1,000 แห่ง จากในปัจจุบันที่ 800 แห่ง และขยายเครือข่ายช่างไฟฟ้า ผู้รับเหมา และวิศวกรทั่วประเทศให้มากกว่า 10,000 รายจากในปัจจุบัน 7,000 ราย รวมถึงสร้าง และพัฒนานวัตกรรมเพื่อเป็นโซลูชั่น และเพิ่มมูลค่า สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพื่อหนุนความต้องการในการใช้สินค้าของบริษัทให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มสินค้า รวมถึงการได้เซ็นสัญญากับ “ชไนเดอร์ อีเล็คทริค” (Schneider Electric) ผู้นำอุปกรณ์ และงานระบบไฟฟ้า และพลังงานสะอาดระดับโลกที่แต่งตั้งให้ KJL เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ “Authorized General Distributor (Tier 1)” ในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคตในลักษณะ Synergy growth ขยายโอกาสในการพัฒนาสินค้าร่วมกัน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

***************************