มูลนิธิคุณและผองเพื่อน จัดเต็มรณรงค์ “สุนัขเป็นได้มากกว่าสัตว์เลี้ยง” พร้อมให้ความรู้การแยกขยะ ในงาน ACP Camp 2024 (for Stray Dogs) วันพฤหัสที่ 17 ตุลาคม 2567 มูลนิธิคุณ (KHUN Foundation) ร่วมจัดกิจกรรมงาน “ACP Camp 2024 (for Stray Dogs)” ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม

ในงานนุดจิ๋ว คุณปรางค์ทิพย์ อนันตวิภาต ประธานมูลนิธิคุณ (KHUN Foundation) ได้ร่วมกับกลุ่มจิตอาสาที่มีใจรักน้อง ๆ สี่ขาร่วมเสวนาปลูกจิตสำนึก “สุนัขเป็นได้มากกว่าสัตว์เลี้ยง” ประกอบการแสดงจากน้องๆ สี่ขา โดยมีนุดใจดีร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นทีมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย และจาก FROG Team Thailand หน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกตัญญูจังหวัดนนทบุรี และ Healing Paws โดยมีนุดใจดีจาก บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด (Perfect Companion Group หรือ PCG) มาร่วมสนับสนุนของรางวัลคืออาหารและขนมของสุนัขและแมวให้แก่เด็กๆ นักเรียนที่ร่วมกิจกรรมเพื่อรวบรวมนำไปบริจาคให้แก่สถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ

นอกจากการเสวนาบนเวทีใหญ่ประกอบการแสดงจากน้องสุนัขแสนรู้แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนเข้าร่วมเป็นกลุ่มย่อยในแต่ละฐานได้แก่ฐาน Healing Paws โดยให้นักเรียนอ่านหนังสือให้สุนัข ฐานสุนัขค้นหา (Search Dog Team) จำลองสถานการณ์ให้เด็ก ๆ เป็นผู้ประสบภัยและปล่อยสุนัขค้นหา ฐานความรู้พื้นฐานการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การแจ้งเหตุ เป็นการสอนแจ้งเหตุเมื่อเจอผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ฐานการละเล่นกับน้องๆ การ adopt และช่วยเหลือน้องสุนัขหาบ้าน เป็นการให้ความรู้การเลี้ยงดูแลอย่างรับผิดชอบและให้ความรัก รวมถึงการ adopt และช่วยเหลือน้องสุนัขหาบ้าน โดยมีน้องพิลโล่ (Pillow) น้องกะเพรา (Kapraw) น้องเมอลิน (Merlin) มาประจำฐานให้เด็กลูบหัวเล่น และฐานดนตรีประกอบการแสดงโชว์และการเชื่อฟังคำสั่ง ใช้ดนตรีประกอบการเล่นกับน้องสกาย (Sky) และน้องพุดดิ้ง (Pudding) มานั่งประจำฐานให้เด็กมาร่วมกิจกรรม โดยการฟังดนตรีประกอบการให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนว่าน้องๆ สี่ขาฉลาดและรักเรามากแค่ไหน พร้อมรับของรางวัลจากบริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัดในแต่ละฐาน

งานนี้เป็นงานต่อเนื่องที่มูลนิธิคุณ (KHUN Foundation) ได้รับโอกาสจากโรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ให้มาจัดกิจกรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ มูลนิธิคุณร่วมมือกับวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Ppc) และดาราศิลปินรักษ์โลก คุณก้อง สหรัถ สังคปรีชา ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมวันวิชาการ ACP Academic & Project Day จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้ในการแยกขยะให้ถูกต้อง เมื่อวันที่ 22 และ 23 มกราคม 2567

ภราดาศุภนันท์ ขันธปรีชา ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่าการจัดงานวันนี้ต้องการปลูกฝังเด็กๆ เรื่องการช่วยเหลือสุนัขและแมวไร้บ้าน และมีกิจกรรมที่ให้ความรู้ด้านอื่นประกอบ โดยเด็กๆ นักเรียนและคุณครูรวมถึงผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้เรื่องการกู้ชีพและกู้ภัยในเหตุการณ์ซึ่งหน้าต่างๆ ด้วย ภราดาศุภนันท์ ยังกล่าวขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องว่า “งานนี้ต้องขอบคุณมิสพรศักดิ์ ขาวพรหม ประธานและ มิสฌลณัญ ธราพร รองประธานจัดค่าย ACP Life Skills in Action Camp ที่เป็นพลังสำคัญของงานนี้ และต้องขอขอบคุณทีมงานทุกท่านที่มาช่วยจัดกิจกรรมลด แยกขยะ รักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากต้นปีด้วยครับ”

คุณจิ๋ว ปรางค์ทิพย์ กล่าวว่า “ที่ผ่านมาตัวจิ๋วเองช่วยทำหมันสุนัขและแมวไร้บ้านมาอยู่เรื่อย ๆ เพราะการลดประชากรสุนัขและแมวที่ดีที่สุดคือการทำหมัน ในบางครั้งก็จะมีนำอาหารไปบริจาคตามสถานที่ต่างๆ ที่เค้าขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ”คุณจิ๋วกล่าวต่อว่า “การช่วยเหลือแบบนี้เป็นการค่อยๆ ทำตามความสามารถที่เราพอจะทำได้ ทำเท่าที่เราทำแล้วมีความสุข” อย่างในวันนี้ มีทางบริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด (Perfect Companion Group หรือ PCG) มาร่วมสนับสนุนของรางวัลคืออาหารและขนมของสุนัขและแมว ซึ่งทางมูลนิธิคุณได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องหลายปี เป็นองค์กรที่มีหลักการทำธุรกิจว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ได้มองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง แต่มองว่า “พวกเขา” เปรียบเสมือนเพื่อนข้างกายที่สมควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นข่าวภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ตึกถล่ม มีผู้คนติดอยู่ใต้ซากตึกหรือมีใครสักคนหลงป่า นอกจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ยังมีการใช้สุนัขช่วยในการค้นหาผู้ประสบภัยอีกด้วย ซึ่งการใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะของสุนัขในการดมกลิ่นนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือเท่ากับจมูกของสุนัข คุณจิ๋ว ปรางค์ทิพย์ กล่าวว่า “การที่คณะคุณครูของโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมมีความคิดริเริ่มที่อยากจะช่วยน้อง ๆ สุนัขและแมวไร้บ้าน โดยการหากิจกรรมดีๆ ปลูกฝังเด็กๆ นักเรียนในกิจกรรมเข้าค่ายประจำปี 2567 นี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่มูลนิธิคุณและกลุ่มจิตอาสาผองเพื่อนทั้งหลายจะได้มาร่วมสอนน้อง ๆ นักเรียนประกอบการแสดงโชว์จากสุนัขแสนรู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมาในแต่ละด้าน”

ด้วยคุณสมบัติของสุนัขที่มีจมูกที่สามารถรับกลิ่นได้ดี ความคล่องแคล่วว่องไว และความฉลาด หลักแหลม ประกอบกับความตั้งใจ มุ่งมั่นอยากช่วยเหลือผู้คนที่ต้องประสบภัยพิบัติผ่านศักยภาพของน้องหมา และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ของเหล่าสมาชิก จึงเกิดเป็นทีม “ไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อฝึกสุนัขและทีมอาสาสมัครในการออกค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติต่างๆ ทีมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัยได้นำทีมสุนัขออกค้นหาผู้ประสบภัยหลายครั้งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งทีม ไม่ว่าจะเป็นอาคารก่อสร้าง หรือรื้อถอนถล่ม และคนพลัดหลงป่า ซึ่งการออกค้นหาของทีมสุนัขในแต่ละครั้งนั้น ไม่สามารถออกค้นหาได้ตามลำพังได้ ทีมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัยจึงได้ผนึกกำลังร่วมกับ FROG TEAM Thailand (First Rescue Operation Generation) ในการออกปฎิบัติการค้นหา

FROG TEAM Thailand ก่อตั้งขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานกู้ภัยที่เข้มแข็งอย่างในปัจจุบัน พี่หนู คุณประกาศิต เลาหะเดช ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าหน่วยกู้ภัย FROG Team Thailand ได้รวมพลอาสาสมัครจากทุกสายอาชีพมาเข้าทีม ด้วยตระหนักว่า ทุกอาชีพสำคัญและมีความสามารถในการช่วยเหลือคนได้ ในทีมมีทั้ง วิศวกร พยาบาล แพทย์ สถาปนิก นักข่าว ไปจนถึงฝ่ายเสบียง คนขับรถรับจ้าง ซึ่งรับหน้าที่ดูแลเรื่องโลจิสติกส์ให้ทีม เราแบ่งหน้าที่ตามความเหมาะสม FROG Team มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ แต่ยังไปไม่ครบทุกจังหวัด นอกจากงานกู้ภัยแล้ว FROG Team ยังช่วยเหลือสังคมในงานเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ โดยเฉพาะงานตึกถล่มและงานกู้ภัยบนที่สูง

อีกหนึ่งภารกิจและเป้าหมายสำคัญของ FROG Team คือ การสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญงานกู้ภัยในประเทศให้มากขึ้น โดยทีมได้ไปมอบความรู้และอบรมทั้งทหาร หน่วย SWAT ทีมดับเพลิง มูลนิธิต่าง ๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยมาแล้ว และเคยพูดคุยถึงการสร้างวิชาเอาชีวิตรอดขั้นพื้นฐานที่มีหน่วยกิตจริง เรียนเกี่ยวกับการช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน ทั้งการปฐมพยาบาลตัวเองและผู้อื่นขณะเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม ไฟฟ้าลัดวงจร หรืออุบัติเหตุภายในบ้าน

 

ที่ Firefly Forest School – โรงเรียนหิ่งห้อย ซึ่งเป็นโรงเรียนของลูกสาวตัวน้อย พี่หนูเข้าไปร่วมเขียนหลักสูตรและแนะนำทางโรงเรียนว่าต้องมีวิชาการเอาตัวรอดไปปลูกฝังให้เด็กตั้งแต่เล็กๆ “เราสร้างเรื่องก่อนว่า จะสอนเรื่องทางน้ำก็มีโจรสลัดออกมา แล้วสอดแทรกว่าถ้าจมน้ำต้องทำอย่างไร เราต้องตะโกน โยน ยื่น บอกคนอื่น ยื่นไม้ไป” สาเหตุที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่สิ่งที่ไกลตัวคือโรงพยาบาล! “มันจำเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอด 24 ชั่วโมง เด็กต้องมีทักษะ ต้องรู้ว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ อย่างไหนปลอดภัย เขาต้องช่วยเหลือตัวเองได้ก่อน”

“เรื่องพวกนี้สำคัญนะครับ คนไทยชอบให้เหตุเกิดก่อน กว่าจะโทร 1669 (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) มันอาจจะไม่ทัน ถ้าเรื่องพื้นฐานทุกคนทำได้ เก็บข้อมูลได้หมด บอกหมอได้ถูกก็จะดี ตอนนี้ที่คนเสียชีวิตเยอะ เพราะหลาย ๆ ครั้งคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเก็บข้อมูลไม่ดี บอกข้อมูลผิด หมอรักษาไม่ตรงจุด งูกัดต้องทำอย่างไร บางคนให้ขันชะเนาะ แขนตายสิ ตัดทิ้งเลย เขาไม่ให้พัน ให้อยู่นิ่ง ๆ ไม่ให้เลือดมันวิ่ง หายใจเบา ๆ รีบไปโรงพยาบาล” พี่หนูคุณประกาศิต คือหนึ่งในคนที่เชื่อว่า มนุษย์ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก ทัศนคติที่ผู้ปกครองต้องดูแลลูกตลอดเวลาจึงควรปรับเปลี่ยน หรืออย่างน้อยเด็กควรรู้วิธีดูแลตัวเอง

จะเห็นได้ว่ามีหน่วยงานมากมายที่คอยจัดกิจกรรมช่วยสุนัขและแมวไร้บ้าน วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่นอกจากการแสดงของสุนัขแสนรู้ประกอบการรณรงค์ต่างๆ แล้ว ยังมีการสอนเด็กๆ นักเรียนว่าสุนัขนอกจากจะเป็นเพื่อนเล่นแล้ว ยังช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เราด้านอื่นๆ ได้มากมาย เช่น Healing Paws “สุนัขที่จะฝึกเพื่อเป็นสุนัขนักบำบัดได้นั้น จะไม่มีข้อกำหนดด้านสายพันธุ์หรือขนาดตัว แต่สุนัขขนาดกลาง จะเป็นที่นิยมสูงสุด ด้วยขนาดที่พอเหมาะแก่การกอดและสัมผัส โดยขั้นตอนจะมีการนำสุนัขมาฝึกให้เข้าใจคำสั่งพื้นฐานได้ และจำลองสถานการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าหรือสุนัขตัวอื่นได้”

กิจกรรมในวันนี้จะช่วยทำให้น้องๆ นักเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่กี่ปีรับทราบว่าสุนัขบำบัดที่ได้รับการฝึกพร้อมกับเจ้าของจะสามารถดูแลคนในครอบครัว และคนรอบตัว รวมถึงเป็นอาสาสมัครตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อทำการช่วยเหลือในเรื่องของจิตใจ เยียวยาการสูญเสีย อาการซึมเศร้า หรือช่วยให้กลุ่มคนบางประเภทสามารถเข้าสังคมได้อีกครั้ง ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันกับสุนัข อีกทั้งช่วยเรื่องของการฝึกเคลื่อนไหวอวัยวะ กายภาพบำบัด ทั้งในกลุ่มเด็กนักเรียน คนป่วย และผู้สูงวัย การปฎิบัติของสุนัขบำบัดในแต่ละครั้งจึงอาจเรียกได้ว่าเกิดประโยชน์แก่คนในสังคมในวงกว้าง เราจึงควรที่จะส่งเสริมและจัดกิจกรรมระกว่างสุนัขกับคนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะสร้างความตระหนักรู้และการเรียนรู้ร่วมกันในอนาคต

น้อง ๆ นักเรียนที่มาเข้าค่ายในวันนี้มีกว่า 1,200 คน หากรวมคุณครูและผู้สนใจจะเป็น 1,400 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนอัสสัมชัญมีความคิดทำกิจกรรมช่วยเหลือสุนัขและแมวไร้บ้าน มิสพรศักดิ์ ขาวพรหม และ มิสฌลณัญ ธราพร รองประธานจัดค่าย ACP Life Skills in Action Camp บอกว่า “ปกติโรงเรียนจะสอนเด็กๆ เรื่องการช่วยเหลือคน เช่น ช่วยเหลือเด็กหรือคนสูงอายุ ตามบ้านสงเคราะห์ต่างๆ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ต้องการปลูกฝังให้เด็กๆ นักเรียนมีจิตใจที่ช่วยเหลือสัตว์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับมนุษย์เรา” ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่มูลนิธิคุณพยายามรณรงค์ช่วยเหลือสุนัขและแมวไร้บ้าน และทางโรงเรียนประทับใจและดีใจมากที่ทางมูลนิธิคุณได้ช่วยติดต่อประสานงานกลุ่มจิตอาสาต่างๆ มาร่วมช่วยกิจกรรมจนเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ ปลูกฝังทั้งด้านสุขภาพ (คือการบำบัดเยียวยาฟื้นฟูจิตใจของนักเรียนที่มีปัญหาต่างๆ ร่วมกับน้องสุนัข Healing Paws) ด้านการช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน (ผ่านหน่วยกู้ชีพที่ทำงานร่วมกับสุนัขกู้ชีพ) ด้านการรณรงค์ให้นักเรียนที่ต้องการเลี้ยงสุนัขและแมวไปรับอุปถัมภ์จากสถานที่ต่างๆ ที่มีสุนัขและแมวที่ต้องหาบ้าน ซึ่งมีความน่ารัก ฉลาดแสนรู้ ไม่ต่างไปจากการไปซื้อตามฟาร์มหรือแหล่งที่ขายสุนัขและแมว

สุนัขและแมวไร้บ้านที่ได้รับโอกาสจากมนุษย์ให้มีบ้านที่อบอุ่นและได้ความรักจากเจ้าของจะมีสัญชาตญาณว่าเค้าจะรักและหวงแหนและมอบชีวิตของเค้าที่มีให้กับคนที่ใจดีเลี้ยงดูเค้า หากไม่เชื่อให้ลองถามคนที่มีประสบการณ์เช่น คุณแครี่ จาก Pick A Pet for Home ที่รับเลี้ยงน้อง ๆ สี่ขา จากสถานสงเคราะห์ต่างๆ ดูได้ สุนัขหลายตัวที่ไปรับมาจากบ้านสงเคราะห์และเอามาฝึกจนสามารถทำสิ่งที่เรียกว่า Dog agility ได้ คือน้องลูน่า (Lunar) และน้องสติกเกอร์ (Sticker) ซึ่งมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย “Dog Agility เป็นกิจกรรมกีฬาที่ทำให้เห็นว่าน้องสุนัขมีความฉลาด เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างน้องสุนัขกับคน ที่ต้องอาศัยความสามัคคีและความเข้าใจระหว่างคนและสัตว์ ฝึกความว่องไวของสุนัขโดยการนำสุนัขวิ่งผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ ในระยะเวลาที่กำหนด”

สุนัขและแมวทุกตัวที่เราไปรับเลี้ยงมาจะมีแววตาที่เวลาเรามองแล้วรู้ได้ถึงความรักที่เค้ามีให้เราสุดหัวใจ แววตาของเค้าจะแตกต่างไปจากสุนัขที่ไม่ได้เคยถูกทอดทิ้งมาก่อน แสดงให้เห็นว่าสุนัขเค้ารับรู้ได้ว่าเค้ามีชีวิตใหม่ได้เพราะเจ้าของคนใหม่ที่รับเค้ามาจากสถานที่ต่างๆ พวกนั้น คุณจิ๋ว ปรางค์ทิพย์ กล่าวปิดท้ายในส่วนกิจกรรม “สุนัขเป็นได้มากกว่าสัตว์เลี้ยง” ว่า “พี่เชื่อว่าพวกเราเห็นข่าวที่ดาราหลายคนคอยช่วยเหลือเพื่อนสี่ขาที่ไม่มีบ้าน เช่นคุณอั้ม พัชราภา คุณปู ไปรยา คุณเกรท วรินทร ล่าสุด คุณก๊อต จิรายุ ที่วิ่งลงไปช่วยน้องแมวบนทางด่วนและรับเลี้ยงจนเป็นไวรัลไปแล้วว่ากลายเป็นทาสแมว เวลาเห็นข่าวพวกนี้แล้วมันใจฟู” พี่ไม่เคยซื้อมาเลี้ยง ตัวที่พี่เลี้ยงคือรับต่อมาจากคนที่เลี้ยงไม่ได้ ไม่ได้มีพันธ์อะไรพิเศษเลย แต่เรารักเค้าทุกตัวไม่ว่าจะเป็นตัวไหน เพราะทุกตัวเป็นครอบครัวของเรา พี่เองเชื่อว่าดาราศิลปินทุกท่านที่คอยรับเลี้ยงสุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้งมีความสุขที่ได้รับความรักจากพวกเค้า

ในส่วนของการรณรงค์การแยกขยะให้ถูกต้อง คุณปรางค์ทิพย์ กล่าวว่ามูลนิธิคุณและ Ppc เป็นกลุ่มพันธมิตรที่ร่วมกิจกรรมมาหลายปี ที่ผ่านมาทั้งสององค์กรได้ร่วมมือกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการจัดเสวนาให้กับบุคลากรของจุฬา และยังจัดกิจกรรมให้นักเรียนตามโรงเรียน รวมถึงในกิจกรรมวันเด็กติดต่อมาหลายปีแล้ว ผศ.ดร.มานิตย์ แห่ง Ppc เล่าให้ฟังต่อว่า “คงยังไม่สายเกินไปที่คนทุกรุ่นจะมาร่วมช่วยกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หากพวกเราช่วยกันลงมือทำตอนนี้ พวกเราจะช่วยสร้างโลกที่ยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต การลงมือที่ง่าย ๆ ของพวกเราที่มางานในวันนี้ ก็คงเริ่มจากการแยกขยะที่ถูกต้อง เพราะขยะแต่ละประเภทสามารถนำไปรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตของต่างๆ ได้”

มูลนิธิคุณเพิ่งได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนเรื่อง “โรงงานแยกขยะในกระเพาะวาฬ (ไม่แยกข้างนอกก็แยกข้างใน)” โดยทำเป็น Storybook ประกอบคู่มือการสอนเรื่อง “ก ถึง ฮ ของขยะที่ถูกลืม” และ Shot Animation จำนวน 6 ตอนเกี่ยวกับการ์ตูนสัตว์ทะเลที่น่ารักๆ ประกอบวาฬน้อยดูดู้และผองเพื่อน DoDoAndFriends เป็นตัวชูโรง โดยมีตัวละครต่างๆ เช่นม้าน้ำ ปลาทะเลสวยๆ ที่ผลิตขึ้นมาภายใต้ “โครงการการจัดการขยะในงานเทศกาลไทยเทศ โดยทีมดูดู้และผองเพื่อน (Festival Waste Management)” ไปเผยแพร่ให้เด็กๆ ในวงกว้าง โดยการ scan qr code แต่ละหน้า ทำเสร็จแล้วจะพยายามกระจายพื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำและทะเล เพราะเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบที่มาจากขยะบกที่หลุดลอยไปตามแม่น้ำไหลไปสู่ทะเล เจาะคนพื้นที่ให้มากที่สุด ส่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เคยร่วมทำกิจกรรม เพื่อให้เห็นความต่อเนื่องของโครงการ

ผศ.ดร.มานิตย์ บอกว่า Ppc และมูลนิธิคุณร่วมมือกันมานานหลายปีแล้วในการจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนักด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความรู้ด้านการจัดการขยะ ชื่อคุณปรางค์ทิพย์แห่งมูลนิธิคุณมุ่งมั่นที่จะให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ผ่านเครื่องมือและสื่อที่สร้างสรรค์ เช่นการใช้หุ่นเชิด คลิปประกอบความรู้ การ์ตูน หนังสือประกอบ QR Code แจกจ่ายให้แก่เด็ก ๆ ตามโรงเรียน ในขณะที่ Ppc ร่วมจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ผู้ใหญ่ รวมถึงในสถาบันการศึกษาที่ทำงานใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาโลกร้อนและขยะล้นเมือง

ปีนี้ทุกคนเห็นข่าวอากาศร้อน ข่าวฝุ่น PM. 2.5 และล่าสุดคือข่าวพายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วมที่เชียงรายและจังหวัดต่างๆ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ที่ยังแก้ไขทัน วันนี้มูลนิธิคุณ และ Ppc มาร่วมช่วยกันให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกว่าหากแต่ละคนช่วยแยกขยะให้ถูกต้องแล้ว จะมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของเราเพื่ออนาคตของพวกเราเอง การเปลี่ยนความคิดและการใช้ชีวิตเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้ เช่นการแยกขยะให้ถูกต้องด้วยตัวเราเอง จะส่งผลที่เห็นได้ชัดแน่นอน และจะทำให้โลกเราอยู่รอดได้ด้วยตัวพวกเราเอง ตรงกับแนวคิดของการจัดกิจกรรมของมูลนิธิคุณและ Ppc ในวันนี้ที่ทำให้พวกเราทุกคนเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม “Young Guardian of the Environment”